ทำไมคนไทยชอบกินหวาน สาเหตุมาจากอะไร
คนไทยนั้นนิยมอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานนำ เพราะอร่อยถูกปาก เวลาเครียดถ้าได้ทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกดีมีความสุข หากจะถามว่า ทำไมคนไทยชอบกินหวาน ทำไมคนไทยชอบกินน้ำตาล จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่าคนไทยนั้นกินน้ำตาลในปริมาณที่มากกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้มากมายหลายเท่า แสดงให้เห็นว่าคนไทยนั้นชื่นชอบในการกินน้ำตาล
ปัจจุบันพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นหลายแสนคนต่อปี หลายคนเมื่อได้ทานของหวานมากๆแล้ว อาจเกิดอารมณ์หงุดหงิดหรืออยากจะทานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะเสพติดความหวาน ซึ่งอาจจะเกิดภัยร้ายตามมามากมายอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุว่าทำไมคนไทยกินหวาน เหตุใดอาหารไทยจึงต้องเน้นรสชาติที่มีความหวาน ตลอดจนพฤติกรรมการทานอาหารของคนไทยในยุคปัจจุบันและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความหวาน
พฤติกรรมการบริโภคของหวานของคนไทย และสาเหตุที่อาหารไทยเน้นหวาน
เพราะเหตุใดคนไทยจึงมีพฤติกรรมในการบริโภคอาหารที่มีความหวานนำ ไม่ว่าจะเป็นหวานน้ำตาลมะพร้าว หวานจากนำตาลอื่นๆ บอกเลยว่ามีหลากหลายเหตุผลที่ว่าทำไมอาหารไทยจึงต้องมีรสชาติหวาน ดังต่อไปนี้
1. รสชาติความหวานของน้ำตาลเป็นสิ่งที่คนไทยนั้นหลงใหล
น้ำตาลเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลมะหร้าว ล้วนเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง สาเหตุที่การบริโภค ของหวาน ของคนไทย นั้นเกิดจากสัญชาตญาณที่ต้องการพลังงานจากความหวาน เพื่อสะสมไว้ในร่างกายเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอดเมื่อขาดสารอาหาร ผู้เชี่ยวชาญมีความเชื่อว่าคนในยุคปัจจุบันนี้สืบทอดสัญชาตญาณการเอาตัวรอดในเรื่องของอาหารจากบรรพบุรุษ จึงไม่แปลกใจที่เมื่อเจอของอร่อยจะดื่มกินด้วยความสุขในทุกครั้งไป
2. การทานหวานทำให้รู้สึกดีเคลิบเคลิ้มมีความสุขและอยากกินเรื่อยๆ
เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนไทยชอบกินหวาน เพราะว่าน้ำตาลจะกระตุ้นต่อมรับรสหวานและส่งสัญญาณไปยังสมอง ก่อเกิดความพึงพอใจให้หลั่งสารโดพามีนให้พุ่งสูงขึ้น ทำให้รู้สึกอร่อยกินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ซึ่งการกินอาหารที่มีความหวานและมีปริมาณน้ำตาลที่สูงต่อเนื่องกันนานๆ จะทำให้เกิดพฤติกรรมของการเสพติดความหวานอยากจะกินเรื่อยๆโดยไม่หยุด มีลักษณะอาการไม่แตกต่างจากการเสพติดเหล้าหรือบุหรี่เลย ไม่ว่าจะเป็นการทานของหวานหลังมื้ออาหารทันที หากไม่ได้กินจะรู้สึกหงุดหงิดและมีอาการโหย จะต้องหาของหวานมากินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต้องพึงระวัง
3. การกินหวานเป็นเรื่องของวัฒนธรรมไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ
การที่คนชาติอื่นกินหวานน้อยกว่าคนไทยสะท้อนถึงวัฒนธรรมและพฤติกรรมการกินหวานของคนไทยที่แตกต่างกันไป ในเมืองไทยได้มีวิวัฒนาการจากการกินน้ำตาลโดยตรง มีการเติมน้ำตาลปรุงรสอาหาร มีการใช้น้ำตาลทำเครื่องดื่มและขนมหวานมาเนิ่นนานตั้งแต่ตั้งแต่โบราณกาล
ยิ่งในยุคที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคมีอาหารสำเร็จรูปจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งคนไทยจะมีการบริโภคน้ำตาลผ่านทางอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูปจากโรงงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่มีอยู่ตามท้องตลาดจะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบแทบทุกประเภท ไม่เว้นแม้กระทั่งยาและน้ำดื่มเลยทีเดียว
4. พฤติกรรมของคนไทยที่ทานอาหารนอกบ้านมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง ร้านสะดวกซื้อ อาหารที่ขายมักจะมีรสหวาน หรือหากไม่หวานก็จะมีน้ำตาลไว้ให้ปรุง เช่น ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ
นอกจากนี้ความสะดวกของการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยนั้นดื่มเครื่องดื่มและอาหารที่มีน้ำตาลจำนวนมาก ร้านอาหารส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำตาลในการปรุงรส แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งหรือขายข้าวแกงมีการลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด เพื่อที่จะให้ขายได้กำไรอย่างสูงสุด การทำอาหารให้มีรสจัดจ้านไม่ว่าจะเป็นเค็มจัดหรือหวานจัดก็จะช่วยให้คนยากจนนั้นกินข้าวได้แบบไม่เปลืองกับข้าว
อาหารชนิดเดียวอาจกินกันได้หลายคนในครอบครัว ซึ่งรสชาติหวานอาจจะเป็นรสชาติเดียวที่เยียวยาความทุกข์ยากของคนจนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เมื่อไม่มีความสดใหม่ของวัตถุดิบร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ใช้น้ำตาลในการปรุงรสหวาน เช่น ผักสดไม่มีความหวานก็ใส่น้ำตาล น้ำซุปกระดูกก็ใส่น้ำตาล เป็นต้น
สถิติการกินหวานของคนไทย เหตุใดจึงต้องกังวล
มีข้อมูลที่ค้นพบว่าพฤติกรรมการกินหวานของคนไทยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติค้นพบว่าคนไทยดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเฉลี่ย 3 แก้วต่อวันและมีการบริโภคน้ำตาลมากมายถึง 2.5 ล้านตันต่อปีเลยทีเดียว นอกจากนี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ยังได้สำรวจพฤติกรรมการบริโภคความหวานของคนไทย ได้ค้นพบว่าพฤติกรรมการสั่งเครื่องดื่ม น้ำหวาน ชา กาแฟ ของคนไทย มีการสั่งเครื่องดื่มที่มีความหวานถึง 94 % มีเพียง 6 % เท่านั้นที่สั่งไม่หวานเลย
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นที่น่ากังวลว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง หรือโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งหน่วยงานของไทยได้มีการรณรงค์ให้คนไทยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินน้ำตาลและหันมาดื่มน้ำเปล่า ทานอาหารให้ครบหมู่และมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน
อันตรายของการกินหวาน ชอบกินหวานจะเป็นเบาหวานไหม
เมื่อคนเราทานหวานเข้าไปน้ำตาลจะถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน หากร่างกายได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดภาวะปริมาณน้ำตาลในร่างกายมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคตับ โรคฟันผุ โรคมะเร็ง หรืออาการแก่อ่อนวัย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีสาเหตุจากการกินหวานมากจนเกินไปนั่นเอง
บทสรุป ลดพฤติกรรมการกินหวานเพื่อสุขภาพที่ดีไม่มีความเสี่ยงการเกิดโรค
หากต้องการมีสุขภาพที่ดีควรจะต้องลดปริมาณน้ำตาลลง ไม่ควรจะทานหวานมากจนเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรที่จะลดความหวานแบบหักดิบเพราะจะเกิดความล้มเหลวได้ง่ายๆ ควรที่จะต้องค่อยๆลดปริมาณลงทีละนิดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยเลือกทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ นอกจากนี้ควรที่จะต้องดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดให้เพียงพอ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ควรหากิจกรรมที่เบี่ยงเบนความสนใจจากการหมกมุ่นในการกินและหันไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น