น้ำตาลทรายแดง คืออะไร ประโยชน์และอันตราย
น้ำตาลทรายแดง เกิดจากกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบที่ผลิตจากอ้อยสด มีรสชาติหวาน มีลักษณะเป็นผลึกเล็กๆ เมื่อสกัดออกมาแล้วเป็นสีเข้มๆ คล้ายสีน้ำตาลแดง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ การรับประทานน้ำตาลทรายแดงมีทั้งคุณประโยชน์และในทางกลับกัน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นแน่ เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถเผาผลาญหรือนำไปใช้ได้หมด เกิดการสะสมน้ำตาลทรายแดงในรูปของไขมันในร่างกายนำไปสู่สาเหตุปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ
ความเสี่ยงของการบริโภค น้ำตาลทรายแดง ในปริมาณที่มากเกินไป
- ไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป น้ำตาลที่เรารับประทานเข้าสู่ร่างกายมักจะเข้าไปเก็บสะสมไว้ในตับในรูปของไกลโคเจน เมื่อมีปริมาณมากเกินไปส่งผลให้ตับส่งกรดไขมันไปตามกระแสเลือด ทำให้เข้าไปสะสมตามหน้าท้องก้นสะโพก หรือต้นขา เป็นต้น จนทำให้รูปร่างอ้วนหรือมีไขมันส่วนเกินจนไม่น่ามอง
- เมื่อสะสมน้ำตาลในร่างกายมากเกินไปทำให้ตับอ่อนทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน เสื่อมสมรรถภาพส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- เร่งการขับแร่ธาตุโครเมียมออกจากร่างกายผ่านทางไต อาจส่งผลให้การทำงานของอินซูลินมีประสิทธิภาพลดลง
- เลือดมีสภาพเป็นกรดมากเกินไปส่งผลให้เกืดภาวะเลือดเป็นกรด ทำให้ร่างกายเกิดความไม่สมดุล
- ความดันเลือดเพิ่มสูง โดยน้ำตาลทรายแดงเป็นสารที่ให้ความหวานที่มีไขมันจำนวนมาก สารเหล่านี้จะส่งผลทำให้กรดไขมันสะสมตามอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น หัวใจ ตับ หรือไต ทำให้การทำงานของอวัยวะดังกล่าวเป็นไปอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจส่งผลทำให้ถูกไขมันอุดตัน
- น้ำตาลอาจมีผลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง เพราะน้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครสเป็นอาหารชั้นดีกับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ หรือเหงือกอักเสบได้
อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถรับประทาน น้ำตาลทรายแดง ได้ตามใจชอบ แต่จะต้องอยู่ในระดับสัดส่วนที่พอเหมาะ สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาหรือ 25 กรัมต่อวัน สำหรับผู้ชายไม่ควรเกิน 9 ช้อนชาหรือ 36 กรัมต่อวัน ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้รับคุณประโยชน์จากการรับประทานน้ำตาลทรายแดงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุ เช่น โปรตีน,วิตามิน, แคลเซียม, คาร์โบไฮเดรต, สังกะสี, ทองแดง, ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กเป็นต้น ซึ่งเมื่อทุกคนรับประทานน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ได้รับ
ประโยชน์ด้านคุณค่าทางอาหารจากน้ำตาลทรายแดง
- กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ร่างกายมนุษย์ล้วนต้องการพลังงานจากน้ำตาลในรูปกลูโคส ซึ่งน้ำตาลเป็น 1 ในอาหารของเม็ดเลือดแดงและไตหากเรางดรับประทานน้ำตาลไปเลยก็จะทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำตาลได้ส่งผลต่อเม็ดเลือดแดงและไตทำงานผิดปกติ อาจเกิดเหตุการณ์หน้ามืดหรือเป็นลมได้
- เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เนื่องจากกลูโคสเป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานของร่างกาย และการที่ร่างกายสามารถผลิตกลูโคสได้นั้นก็จำเป็นต้องอาศัยทั้งน้ำตาลแบบซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคสมาร่วมกระบวนการด้วย
- การรับประทานน้ำตาลทรายแดง สมองจะทำการปล่อยสารสื่อสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โดพามีน (Dopamine) ทำหน้าที่ในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลายส่งผลให้อารมณ์ดี
จะเห็นได้ว่าการรับประทานน้ำตาลทรายแดงมีทั้งคุณประโยชน์และโทษ ฉะนั้นทุกคนจะต้องรับประทานน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่พอเหมาะหากบริโภคมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่หากบริโภคที่พอเหมาะก็ทำให้ส่งผลดีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะน้ำตาลเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ร่างกายมนุษย์ของคนเราขาดไม่ได้เช่นเดียวกับน้ำหรือวิตามินอื่นๆ ดังนั้นทุกท่านจะต้องรับประทานน้ำตาลอย่างมีวินัยตามปริมาณที่กำหนด
น้ำตาลทรายแดงกินแล้วอ้วนหรือไม่
การรับประทานน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่มาก อาจส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หากมีการรับประทานน้ำตาลในปริมาณสูงจนร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการไปสะสมกลายเป็นไขมัน อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำตาลหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักอยู่ ควรบริโภคน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่พอเหมาะ
ประโยชน์ของการปรุงอาหารด้วยน้ำตาลทรายแดง
- สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน
- การนำน้ำตาลนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำสครับผิวแบบแฮนด์เมด สามารถนำมาผสมกับน้ำผึ้งได้และนำมาสครับริมฝีปากเพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นและลดอาการหมองคล้ำ และสามารถสครับผิวในบริเวณอื่นๆ ได้เช่น รักแร้ ตาตุ่ม หรือบริเวณที่แห้งกร้าน
- การใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการถนอมอาหารเช่นการแช่อิ่มมะม่วง การเคลือบหรือฉาบ เช่น ฉาบกล้วย โดยการต้มน้ำตาลกับน้ำเปล่าให้มีความข้นพอสมควร จากนั้นนำมาทาเคลือบไว้ก็สามารถเก็บผลไม้ไว้รับประทานได้นานมากยิ่งขึ้น
- การดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำตาลทรายแดงจะช่วยบำรุงกำลังแก้ปวดทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก
น้ำตาลทรายแดงต่างกับน้ำตาลขาว และน้ำตาลมะพร้าวยังไง
น้ำตาลทรายแดง มีวัตถุดิบที่นำมาผลิตคืออ้อย มีรูปลักษณ์เหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่แตกต่างกันโดยชัดเจนในเรื่องของสี โดยมีความแตกต่างกันที่กระบวนการผลิตที่น้อยกว่าเพื่อจะได้รักษาปริมาณของกากน้ำตาลเอาไว้โดยจะนำเอาน้ำตาลทรายขาวมาผสมกับกากน้ำตาล จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำตาลมีสีอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มจนเป็นที่มาของชื่อน้ำตาลทรายแดงและแน่นอนว่าน้ำตาลทรายแดงจะมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าและให้แคลอรี่ที่น้อยกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่มีคุณประโยชน์น้อยกว่าน้ำตาลมะพร้าว
น้ำตาลทรายขาว มีวัตถุดิบที่นำมาผลิตคืออ้อยเช่นกันกับน้ำตาลทรายแดง แต่จะผ่านกระบวนการผลิตทำให้บริสุทธิ์ โดยกำจัดกากน้ำตาลออกไปทำให้น้ำตาล เหลือแต่ก้อนผลึกสีขาว และเข้าสู่กระบวนการกรองอีกครั้งหนึ่ง มีลักษณะเป็นเม็ดทรายละเอียดจับตัวเป็นก้อนเล็กๆน้อยๆ ผ่านกระบวนการผลิตที่สูญเสียวิตามินและกากใยอาหารไปในขั้นตอนการกรอง
น้ำตาลมะพร้าว มีวัตถุดิบที่นำมาผลิตคือส่วนของจั่นดอกต้นมะพร้าวโดยใช้ความร้อน ให้มีการระเหย เมื่อน้ำระเหยหมดก็จะตกผลึกเป็นเกล็ดน้ำตาล มีลักษณะเป็นน้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊บ ซึ่งน้ำตาลมะพร้าวจะมีรสชาติที่มีความหวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายแดงและมีคุณค่าทางอาหารแบบครบถ้วน คุณสมบัติพิเศษจากน้ำตาลมะพร้าว คือ สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดแบบช้าๆ จึงลดความรู้สึกหิวและความอยากอาหารได้ดี เป็นผลดีต่อผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเป็นต้น
เพิ่มเสน่ห์ให้ทุกจาน เพิ่มความหวานให้กับร่างกาย ด้วยการใช้น้ำตาลทรายแดงเป็นวัตถุดิบใส่อาหารให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม น้ำตาลทรายเป็นเครื่องปรุงที่มีอยู่ในทุกครัวเรือน และอย่าลืมควรรับประทานน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการบริโภคน้ำตาลทรายแดงมากเกินไป รับรองว่าทุกท่านจะได้รับคุณประโยชน์จากการรับประทานน้ำตาลทรายแดงได้อย่างแน่นอน