ใบชาเขียวกับผงมัทฉะต่างกันอย่างไร มีวิธีสังเกต จะได้ไม่หลงเข้าใจผิด

ชาเขียวกับมัทฉะมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านรสชาติ สี กลิ่น ประโยชน์ รวมไปถึงวิธีการชงมัทฉะกับชาเขียวก็แตกต่างกัน ชาเขียวมักจะมาเป็นรูปแบบใบชาแต่มัทฉะส่วนใหญ่จะเป็นผงละเอียด

เครื่องดื่มยอดนิยมคงไม่มีใครไม่รู้จักชาเขียวกับมัทฉะ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะคล้ายคลึงกัน แต่จริง ๆ แล้วชาเขียวกับมัทฉะมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านรสชาติ สี กลิ่น ประโยชน์ รวมไปถึงวิธีการชงมัทฉะกับชาเขียวก็แตกต่างกัน ชาเขียวมักจะมาเป็นรูปแบบใบชาแต่มัทฉะส่วนใหญ่จะเป็นผงละเอียด ชาเขียวกับมัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ว่าจะทานคู่กับเมนูไหนก็อร่อยด้วยความที่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาเขียวกับมัทฉะ ในร้านอาหารญี่ปุ่นมักจะเสริฟ์ชาเขียวและมัทฉะคู่กับเมนูแซลมอน ในบทความถัดไปเราจึงนำวิธีการรับประทานแซลมอนดองซีอิ๊วยังไงให้ปลอดภัย พร้อมวิธีการทำง่ายๆมาฝาก ในส่วนบทความนี้อยากจะมาช่วยบอกวิธีสังเกตว่าชาเขียวกับมัทฉะแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้เข้าใจชาเขียวกับมัทฉะมากยิ่งขึ้น

ชาเขียวคืออะไร

ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ได้จากการนำใบชาสดมาผ่านกระบวนการอบหรือนึ่งเพื่อรักษาสีเขียวและคุณค่าทางอาหาร ใบชาที่ได้จะถูกนำมาชงในน้ำร้อนเพื่อดื่ม มีรสชาติสดชื่น อ่อนนุ่ม และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ 

มัทฉะคืออะไร

มัทฉะ คือชาที่ผ่านการบดละเอียดจนกลายเป็นผง มีลักษณะเป็นสีเขียวสด มักมาจากใบชาคุณภาพสูงที่ปลูกในร่มเพื่อเพิ่มสารอาหาร ก่อนจะนำไปบดด้วยหินจนเป็นผงละเอียด มัทฉะมีรสชาติเข้มข้นและมีความฝาดเฉพาะตัว 

ชาเขียวกับมัทฉะแตกต่างกันอย่างไรสังเกตได้ดังนี้

1. กระบวนการปลูก

  • ชาเขียว: ปลูกในที่แสงแดดส่องเต็มที่ตลอดช่วงการเจริญเติบโต
  • มัทฉะ: ช่วงก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 20-30 วัน ต้นชาจะถูกคลุมด้วยผ้าเพื่อบังแสงแดดบางส่วน ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ ทำให้มีสีเขียวสดและมีสารอาหารเข้มข้นกว่า

2. กระบวนการเก็บเกี่ยว

  • ชาเขียว: เก็บเฉพาะใบที่โตเต็มที่หรือยอดอ่อน โดยวิธีการตัดและคัดแยกเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต
  • มัทฉะ: เก็บเฉพาะยอดใบชาอ่อนคุณภาพสูง เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและเนียนละเอียด

3. รสชาติและเนื้อสัมผัส

  • ชาเขียว: รสชาติอ่อนนุ่ม สดชื่น กลิ่นหอมบางเบา
  • มัทฉะ: รสเข้มข้น มีความฝาดเล็กน้อย และกลิ่นที่หนักแน่นกว่า

4. สี

  • ชาเขียว: จะมีสีเขียวอมเหลือง
  • มัทฉะ: ออกสีเขียวสดใส เนื่องจากคลอโรฟิลล์ที่สูงจากการปลูกในร่ม

5. ความเข้มข้นของคาเฟอีน

  • ชาเขียว: มีคาเฟอีนในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการดื่มเพื่อผ่อนคลาย
  • มัทฉะ: มีคาเฟอีนสูงกว่า เพราะบริโภคทั้งใบชา จึงเหมาะกับการเพิ่มพลังงาน

วิธีการชงชาเขียว

  1. นำใบชาเขียวประมาณ 1 ช้อนชาใส่ในกาชงชา
  2. เทน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 80°C ลงไป
  3. แช่ไว้ประมาณ 2-3 นาที กรองใบชาออกเรีย

วิธีการชงมัทฉะ

  1. ตวงผงมัทฉะประมาณ 1-2 กรัม (1 ช้อนชา) ใส่ในถ้วย
  2. เติมน้ำร้อน 70-80°C ปริมาณเล็กน้อย
  3. ใช้ไม้ตีชา (Chasen) ตีจนเกิดฟอง
  4. เติมน้ำร้อนเพิ่มตามชอบ

ชาเขียวกับมัทฉะประโยชน์เหมือนกันไหม

ทั้งชาเขียวและมัทฉะมีประโยชน์ที่คล้ายกันแต่ไม่เหมือนซะทีเดียว อย่างเช่นปลาแมคเคอเรลกับปลาซาร์ดีนที่สามารถนำไปทำเป็นปลากระป๋องเหมือนกันแต่ลักษณะของปลา เนื้อปลา และรสชาติไม่เหมือนกัน ก็เหมือนกับทั้งชาเขียวและมัทฉะ ที่มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเหมือนกัน แต่มัทฉะจะแตกต่างกันตรงที่มัทฉะมีสารอาหารที่เข้มข้นกว่าชาเขียว เนื่องจากบริโภคทั้งในรูปแบบใบชาและในรูปแบบผง

ประโยชน์ของชาเขียว

  • ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย และช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง
  • ช่วยควบคุมน้ำหนักน้ำหนัก: สารคาเทชินในชาเขียวมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยลดไขมันสะสม
  • ช่วยให้ผ่อนคลายและเสริมสร้างสมาธิ: ชาเขียวมีสาร L-Theanine ที่ช่วยเพิ่มสมาธิและทำให้จิตใจสงบ

ประโยชน์ของมัทฉะ

  • เพิ่มพลังงานและสมาธิ: มัทฉะให้พลังงานอย่างยาวนาน เนื่องจากมีคาเฟอีนในระดับพอเหมาะพร้อม L-Theanine ช่วยเสริมสมาธิ
  • มีสารแอนติออกซิแดนต์สูง: มัทฉะมีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ

เข้าใจความแตกต่างของชาเขียวกับมัทฉะ

เมื่อเข้าใจความแตกต่างแล้ว การเลือกบริโภคอย่างเหมาะสมและถูกวิธีก็จะช่วยเพิ่มส่งเสริมสุขภาพได้ แถมยังสามารถดื่มด่ำกับรสชาติอันยอดเยี่ยมของชาทั้งสองชนิดได้อย่างเต็มที่

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างชาเขียวกับมัทฉะ ทั้งในด้านรสชาติ ประโยชน์ วิธีการชง และข้อควรระวัง เพื่อการเลือกบริโภคที่เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุด

Similar Posts